0
0
นายจุฬา สุขมานพ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ อีอีซี นำทีมงานลงพื้นที่ติดตาม ความก้าวหน้าการโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก ระบุว่าตอนนี้ได้เริ่มงานก่อสร้างส่วนระบบสาธารณูปโภคในพื้นที่มีความพร้อมแล้ว อาทิ งานระบบไฟฟ้าและน้ำเย็น ซึ่งได้ก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ และโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วม เป็นพลังงานสะอาดกำลังผลิตไฟฟ้ารวม 95 เมกะวัตต์
กรมอุตุฯ เตือนฉบับ 8 เช็ก 26 จว.เจอพายุถล่ม อากาศแปรปรวน
ลดราคาดีเซลเหลือ 32.50 บาท/ลิตร มีผลตั้งแต่ 4 พ.ค. 66 เป็นต้นไป
ส่วนงานของภาครัฐ กำลังเตรียมออกประกาศเชิญชวนผู้รับจ้างงานทางวิ่งที่ 2 ในเดือน พฤษภาคมนี้ และคาดว่าจะส่งมอบพื้นที่ก่อสร้างได้ในช่วงไตรมาส 3 ปี 2566
ขณะที่ นายวีรวัฒน์ ปัณฑวังกูร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อู่ตะเภา อินเตอร์เนชั่นแนล เอวิเอชั่น หรือ UTA ได้โชว์ภาพต้นแบบแห่งอนาคตของโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก ระบุว่า ปัจจุบันโครงการได้พัฒนา คืบหน้าไปหลายส่วนแล้วทั้งการปรับแบบ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานค่อนข้างครบถ้วนแล้วหากลงนามสัญญาแจ้งให้เริ่มงาน ก็สามารถเข้าพื้นที่ทำงานต่อได้ทันที
ส่วนข้อติดขัดบางประการที่อาจทำให้การก่อสร้างไม่สามารถเกิดขึ้นได้ทันที นายวีรวัฒน์ อธิบายว่า เนื่องจากโครงการนี้ มีขนาดใหญ่มากๆ ประกอบด้วยหลายส่วนเหมือนจิ๊กซอว์ เราต้องสร้างความมั่นใจก่อนว่าโครงการนี้เกิดขึ้นแล้วจะเติบโตได้ หากรีบร้อนทุกอย่างไปขายนักลงทุน แต่ขายไม่ได้ ถนนไม่พร้อม โครงสร้างไม่พร้อม จะเกิดความเสียหายทั้งประเทศ
ดังนั้น หากส่วนไหนที่พร้อมก็จะดำเนินการก่อนทันที หากเข้าพื้นที่ทำงานได้ก็จะเริ่มได้ทันที และเชื่อว่าในปี 2567จะได้เห็นการเริ่มตอกเสาเข็มก่อสร้างในส่วนของสนามบินอู่ตะเภาอย่างแน่นอน
ขณะที่ ปมปัญหาโครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินอาจจะเกิดความล่าช้า เนื่องจากยังเจรจาแก้ไขยังไม่เสร็จสิ้น ทาง EEC และ UTA ต่างให้ความมั่นใจว่า การพัฒนาสนามบินอู่ตะเภา กับรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ไม่มีการผูกโยงกัน โครงการสนามบินถูกพัฒนาควบคู่ไปกับเมืองการบินอยู่แล้ว ไม่ว่ารถไฟความเร็วสูงจะเกิดขึ้นได้หรือไม่ สนามบินก็จะเดินหน้าพัฒนาต่อเนื่องไปอยู่แล้ว มีเพียงข้อเดียวคือ หากทั้งสองโครงการเกิดขึ้นควบคู่กันไปได้ การดึงดูดนักลงทุนย่อมทำได้ดีกว่าอยู่แล้วคำพูดจาก สล็อตวอเลท
